MOVIE REVIEW AND STORYLINE: THE BEEKEEPER (2024)

Movie Review and Storyline: The Beekeeper (2024)

Movie Review and Storyline: The Beekeeper (2024)

Blog Article

รีวิว The Beekeeper (2024) นรกเรียกพ่อ


Movie Review and Storyline The Beekeeper (2024)



ข้อมูลหนัง


ประเภท:  แอคชัน / ระทึกขวัญ


นำแสดงโดย: นำแสดงโดย เจสัน สเตแธม, จอช ฮัทเชอร์สัน, เอ็มมี เรเวอร์-แลมป์แมน


กำกับโดย:  เดวิด เอเยอร์


ความยาว : 1.45 ช.ม. (105 นาที)




 

เรื่องย่อ


‘The Beekeeper’ เป็นหนังแอ็กชันจากผลงานการกำกับของ เดวิด เอเยอร์ (David Ayer) หนึ่งในผู้กำกับหนังแอ็กชันแห่งยุค ที่มีผลงานน่าสนใจผ่านตาเรามาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘Bright (2017)’, ‘Suicide Squad (2016)’ หรือ ‘Fury (2014)’ และผลงานล่าสุดของเขาอย่าง ‘The Beekeeper’ ก็เรียกได้ว่าออกมาเดือดถูกใจคอแอ็กชันไม่แพ้ผลงานเรื่องอื่นของเจ้าตัวแน่นอน ดูหนัง netflix โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้

 

“คนเลี้ยงผึ้ง” อาชีพที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัย แถมยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศอย่างลึกซึ้ง จากการที่เหล่าผึ้งมีส่วนช่วยในการผสมเกสรขณะที่ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ เรียกว่า ผึ้งและคนเลี้ยงผึ้งต่างก็เป็นผู้สร้างสรรค์อย่างแท้จริง แต่เมื่อ “คนเลี้ยงผึ้ง” คือ สิ่งที่อันตรายที่สุด แล้วอะไรจะหยุดเขาจากการทำลายล้างสุดระห่ำที่เกิดขึ้นจากเรื่องเพียงหยิบมือ 

เรื่องราวสุดระทึกของ อดัม เคลย์ ชายวัยเกษียณที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยการเลี้ยงผึ้ง แต่แล้วความสงบสุขของเขาก็ถูกทำลาย เมื่อป้าข้างบ้านที่เขาไว้ใจเพียงหนึ่งเดียวได้ทำการจบชีวิตตัวเองลง เพราะตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซนเตอร์ต้มตุ๋น จากชายเลี้ยงผึ้งธรรมดา อดัมต้องสวมตัวตนในอดีตของเขาอีกครั้ง ในนาม บีคีปเปอร์ เพื่อทำภารกิจล่าแค้นส่วนตัวและสาวไส้องค์กรลับ งานนี้จัดเต็มทุกกระสุน รวมมิตรทุกแรงกระแทก ไร้ความปรานีจนกว่าจะลากคอผู้ที่อยู่เบื้องหลังแก๊งชั่วนี้ให้ได้

 

นอกจากนี้ความน่าสนใจยังอยู่ที่ ‘The Beekeeper’ ได้นักแสดงแอ็กชันตัวพ่อแห่งฮอลลีวูดอย่างสเตธัมมารับบท อดัม เคลย์ นักเลี้ยงผึ้งปริศนาที่เราจะค่อย ๆ ได้รู้จักตัวตนของเขาผ่านการดำเนินเรื่อง ซึ่งสเตธัมก็แสดงได้สมบทบาทนักล่ามหาประลัย หน้านิ่ง พูดน้อย ต่อยหนัก เน้นออกหมัดไม่เน้นคุย เอาอยู่ทุกซีนแอ็กชัน แม้จะไม่ได้ฉีกไปจากบทบาทที่ผ่านมาเท่าไรแต่พลังการแสดงและซีนแอ็กชันของเขาในเรื่องนี้ต้องบอกว่าเข้มข้น ถึงใจ และสะใจคนดูแน่

 

ที่สำคัญ จอช ฮัทเชอร์สัน (Josh Hutcherson) ในบท เดเรก แดนฟอร์ต ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน ในเรื่องนี้ฮัทเชอร์สันมาในมาดคุณหนูบ้านรวยแถมอัจฉริยะ แต่กลับใช้ความอัจฉริยะและความรวยของตัวเองไปผิดทาง เป็นเหตุให้ต้องถูกตามล่าล้างบางจากอดีต Beekeeper ใครคิดถึงฮัทเชอร์สันต้องไม่พลาด เพราะเราจะได้เห็นเขาในบทบาทแปลกใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม

 

อีกทั้งยังมีนักแสดงรุ่นใหญ่ เจเรมี ไอเอินส์ (Jeremy Irons) มาสร้างสีสันในบทบาท วอลเลซ เวสไวล์ด อดีตซีไอเอ และ เอ็มมี เรเวอร์-แลมพ์แมน (Emmy Raver-Lampman) มารับบท เจ้าหน้าที่เวโรนา พาร์กเกอร์ ลูกสาวของเอโลอีส ที่เดินหน้าสืบคดีสุดระห่ำเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ผู้เป็นแม่ แม้บทบาทของเธอจะจืดจางไปนิดในช่วงกลางเรื่อง แต่ความสวยเท่ก็ยังโดดเด่นและเป็นอีกตัวละครที่ช่วยให้การเดินเรื่องลื่นไหล


 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ที่แสดงนำโดย เจสัน สเตแธม เหล่าผู้ชมคงคาดหวังกับฉากแอ็คชั่นสถดดุเดือดกันอย่างแน่นอน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังกันอย่างแน่นอน โดยในการเล่าเรื่องถือว่าเข้าใจได้ง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อนผู้ชมสามารถเข้าใจและติดตามได้อย่างสบาย ถึงแม้บางช่วงจะทำให้ผมรู้สึกถึงภาพยนตร์ที่มีความคล้ายคลึงกัน (เรื่องที่องค์กรนักฆ่าต้องล้มสลายเพราะไปฆ่าหมาตัวเดียว)

ตัวหนังได้สร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นได้อย่างน่าตื่นเต้น พร้อมทั้งผสมความดิบเถื่อน และความโหดเหี้ยมในเวลาเดียวกัน เสิร์ฟฉากบู๊ให้ผู้ชมแบบ Non-Stop พร้อมกับตั้งคำถามกับผู้ชมว่า คุณจะเลือกอะไรระหว่างกฎหมายหรือความยุติธรรม ในส่วนของนักแสดง ในส่วนของเฮียเจสัน ไม่มีอะไรวิจารณ์แต่อย่างใด เฮียแกสามารถแบกภาพยนตร์ได้อย่างอยู่หมัด รวมไปถึง จอช ฮัทเชอร์สัน (Josh Hutcherson) ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

 

เป็นหนังแอ็คชันที่ต้องขอบอกว่าสนุก โหด มันส์ และเล่นใหญ่มากๆ สู้เป็นสู้ ฆ่าเป็นฆ่า ถึงขั้นราดน้ำมันเผากันเลยทีเดียว จัดเต็มทั้งความดิบ โหด เถื่อน เหมือนได้ดูหนังบู๊แอ็คชันของฮ่องกงเลยทีเดียว ชอบบทสนทนาการคุยกันของตัวละครมาก บทพูดมีเสน่ห์ในตัวมากๆ การดำเนินเนื้อเรื่องค่อนข้างรวดเร็ว ไม่ค่อยมีช่วงที่น่าเบื่อเท่าไร มีสิ่งต่างๆให้ต้องคิดตามตัวละคร ตอนที่ดูในโรงค่อนข้างมันส์เลยทีเดียว แถม Effect ภาพ 4D ในเรื่องก็เริ่ดมาก คอหนังแอ็คชันไม่ควรพลาด 

จัดหนัก จัดเต็ม ล้างบานทั้งกองทัพคอลเซ็นเตอร์หรือนักต้มตุ๋นเลยทีเดียว คุณภาพของการแสดง ภาพ และเสียง รวมไปถึง Effect ถือว่าได้มาก โหดมาก ดิบมาก และป่าเถื่อนมาก เป็นหนังเปิดปี 2024 ที่ค่อนข้างมันส์เลยทีเดียว เรียกได้ว่างานนี้เดือดเอามากๆ แล้วถือว่าทันกับยุคนี้ด้วย เพราะสมัยนี้ โจรและนักต้มตุ๋น รวมไปถึงคนโกง มักจะมาในรูปแบบของ call center มากกว่าที่จะวิ่งราวหรือขโมยซะอีก นอกจากฉากแอ็คชันสุดมันส์แล้วยังได้ข้อคิดสนุกๆกลับไปอีกด้วย และยังได้ประเด็นที่ถกเถียงหลังจากที่ดูหนังจนจบ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ hd-2u.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่



#ดูหนังnetflix #รีวิวหนัง #MovieReview #TheBeekeeper #นรกเรียกพ่อ


 
กลับด้านบน

Report this page